ขอบคุณข้อมูลของ ดร.โอสธี พุทธเมธี
ชองทาง....รวยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
วิธีการบังคับให้มะนาวออกดอกนอกฤดูกาล
มะนาวเป็นพืชที่ไวต่อการขาดน้ำ
ซึ่งจะเห็นได้ชัดในช่วงที่มะนาวมีใบแก่จัด ถ้าปล่อยให้ขาดน้ำ
ใบจะร่วงหล่นเร็วมากและจะแสดงอาการคล้ายจะตาย แต่ถ้าให้น้ำและปุ๋ยไปบ้าง
มะนาวจะแตกใบใหม่และออกดอกตามมา
และเมื่อใดที่ได้รับน้ำและปุ๋ยอย่างเพียงพอมะนาวจะแตกกิ่งใหม่ได้มาก
ใบจะเขียวสดอยู่ได้นานและไม่ค่อยมีการออกดอกติดผล
จากพฤติกรรมดังกล่าวจึงได้มีผู้คิดค้นหาวิธีการต่าง ๆ
เพื่อบังคับให้มะนาวออกดอกได้คราวละมาก ๆ เช่น
1.
ใช้วิธีตัดแต่งกิ่งหรือปลายกิ่งออกประมาณ 1-2
นิ้วทั้งต้นแล้วจึงมีการใส่ปุ๋ยเพื่อกระตุ้นให้เกิดการออกดอกขึ้น
2.
ใช้วิธีการรมควันเพื่อให้ใบร่วงแล้วแตกใบใหม่พร้อมกับให้ดอกตามมาภายหลัง
3. ใช้ลวดเล็ก ๆ
รัดโคนกิ่งใหญ่เพื่อให้มะนาวมีการสะสมอาหารเตรียมพร้อมที่จะออกดอก
4.
งดการให้น้ำเพื่อทำให้ใบเหี่ยว
แล้วกลับมารดน้ำและใส่ปุ๋ยเคมีเพื่อกระตุ้นให้เกิดดอก
5. ปล่อยน้ำเข้าแปลงปลูกประมาณ
3-4 วัน แล้วจึงระบายน้ำออก
6.
ใช้น้ำอุ่นค่อนข้างร้อนฉีดให้ใบร่วง
7.
ใช้ปุ๋ยยูเรีย 5 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนักละลายน้ำฉีดให้ใบไหม้และร่วง
แล้วจึงใส่ปุ๋ยเร่งเพื่อให้มีการเกิดดอก
วิธีการตามที่ได้กล่าวมานี้
บางวิธีอาจทำให้มะนาวทรุดโทรมและตายได้หรือให้ผลผลิตแล้วตายไปเลย
และบางวิธีก็ไม่เหมาะกับการปฏิบัติรักษาต่อมะนาวที่ปลูกไว้เป็นจำนวนมาก
ดังนั้นจึงได้มีการคิดค้นวิธีการที่ทำให้มะนาวออกดอกในหน้าแล้งโดยที่ไม่ทำให้มะนาวทรุดโทรมจนเกินไป
ดังต่อไปนี้
วิธีที่ 1
งดการใช้น้ำชั่วระยะหนึ่งเพื่อปล่อยให้ใบเหี่ยว
เมื่อใบเหี่ยวก็ให้น้ำเล็กน้อยสักหนึ่งวัน
และเมื่อเห็นว่าต้นมะนาวมีการฟื้นตัวดีแล้วค่อยให้น้ำมาก ๆ ติดต่อกันประมาณ 5-7
วัน จนดินชื้น แล้วจึงใส่ปุ๋ยเร่งดอกที่มีตัวกลางสูงเช่น ปุ๋ยสูตร 12-24-12 หรือ
9-27-27 ประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อต้น หรืออาจใส่กระดูกป่นลงไปด้วยก็ได้
นอกจากนี้อาจพิจารณาใส่ปุ๋ยขี้หมูประมาณ 60 กิโลกรัม กระดูกป่น 6
กิโลกรัมและโปแตสเซียมซัลเฟต 3 กิโลกรัม ผสมเข้าด้วยกันแล้วใส่รอบโคนต้น
จะได้ผลดีเช่นเดียวกัน
วิธีที่ 2
งดการให้น้ำประมาณ 7-15 วัน แล้วจึงทำการตัดแต่งกิ่งออกประมาณ 1-2 นิ้ว
ให้ทั่วทั้งต้น
การตัดแต่งกิ่งนี้เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้มะนาวแตกกิ่งวิธีนี้จะใช้เพื่อเพิ่มปริมาณการออกดอกติดผลในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม
กับต้นมะนาวที่ติดผลในช่วงนี้ไม่ดกนัก
วิธีที่ 3
พ่นใบด้วยปุ๋ยยูเรียความเข้มข้น 5 เปอร์เซ็นต์ (ใช้ปุ๋ยยูเรีย 46 เปอร์เซ็นต์ 1
กิโลกรัมผสมกับน้ำสะอาด 20 ลิตร)
การฉีดพ่นควรฉีดไปที่ทรงพุ่มของมะนาวให้โชกทั่วทั้งต้น ประมาณ 4-5 วัน
ต่อมาใบมะนาวจะเริ่มร่วงโดยเฉพาะใบแก่ส่วนใบอ่อนจะไม่ร่วง
ลักษณะของใบมะนาวที่ร่วงนั้นคล้ายกับถูกน้ำร้อนลวกหลังจากนั้นให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร
12-24-12 โรยใส่ต้นมะนาวต้นละ 1-2 กิโลกรัม ประมาณ 15-20
วันหลังจากที่ได้ฉีดพ่นปุ๋ยยูเรียไปแล้วมะนาวจะเริ่มออกดอก
ในช่วงนี้ให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 20-14-14 อัตราต้นละ 200-300 กรัม
โดยทิ้งห่างกันประมาณ 1 เดือน สัก 3-4 ครั้ง เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของผลมะนาว
ในช่วงที่มะนาวเริ่มออกดอกจนถึงติดผลนี้จะต้องระวังอย่าให้มะนาวขาดน้ำเพราะจะทำให้ผลร่วงหรือการเจริญเติบโตของผลไม่ดีเท่าที่ควร
มะนาวที่บังคับให้ออกดอกในเดือนกันยายน-ตุลาคม
ถ้ามีการปฏิบัติตามข้อแนะนำดังกล่าวมาแล้วเพื่อเข้าหน้าแล้งราวเดือนเมษายน
ผลมะนาวจะแก่จัดและสามารถเก็บผลไปจำหน่ายได้
วิธีที่ 4
เป็นวิธีที่ได้ผลดีวิธีหนึ่ง วิธีนี้ไม่ทำให้ต้นมะนาวโทรมเร็วเหมือนกับวิธีแรก ๆ
มีขั้นตอนในการปฏิบัติดังนี้
1.
ประมาณเดือนกันยายน ใส่ปุ๋ยเกรด 1:3:3 เช่นปุ๋ยสูตร 8-24-24
เพื่อเร่งให้ใบแก่เร็วขึ้น และเก็บสะสมอาหารไว้บำรุงดอกต่อไป
2.
ต้นเดือนตุลาคม งดให้น้ำเพื่อให้ต้นมะนาวมีการเก็บสะสมอาหาร
3.
ปลายเดือนตุลาคม ให้น้ำอย่างเต็มที่หลังจากงดให้น้ำมาเป็นเวลา 15-20 วัน
4.
ต้นเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่ได้ให้น้ำไปแล้วประมาณ 7 วัน มะนาวจะเริ่มออกดอก
ช่วงนี้ควรมีการพ่นสารเคมีเพื่อป้องกันกำจัดแมลงในช่วงที่กำลังมีดอกอ่อน
5.
ปลายเดือนพฤศจิกายน ดอกเริ่มบานและมีการติดผล
ควรพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดแมลงศัตรูมะนาวในช่วงที่กำลังติดผลเล็ก ๆ
6.
ต้นเดือนธันวาคม ใส่ปุ๋ยเคมีเกรด 1:1:1 เช่นปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16
เพื่อบำรุงให้ผลมีความสมบูรณ์ในขณะที่ผลมะนาวมีขนาดเท่าเมล็ดข้าวโพด
7.
ประมาณเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไปจะสามารถเก็บผลมะนาวออกจำหน่ายได้
ซึ่งตรงกับช่วงที่มะนาวมีราคาแพงพอดี
8.
หลังจากที่ได้ทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดแล้ว ประมาณเดือนพฤษภาคมควรทำการตัดแต่งกิ่ง
ใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 เพื่อบำรุงต้นให้สมบูรณ์และพร้อมสำหรับการผลิตมะนาวหน้าแล้งในปีต่อไป
วิธีที่ 5
เป็นวิธีที่ชาวสวนแถบจังหวัดเพชรบุรีนิยมปฏิบัติกัน ซึ่งมีวิธีการดังนี้
1.
ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝนไม่ควรให้น้ำต้นมะนาว
เพราะเป็นช่วงฤดูฝน และการทำให้ใบมะนาวร่วงในช่วงนี้จึงทำได้ยากเพราะยังมีฝนตกอยู่
2.
ชาวสวนใช้วิธีทรมานเล็กน้อย โดยใช้กรรไกรตัดปลายกิ่งต้นมะนาวประมาณ 1-2
นิ้วออกทั่วทั้งต้น เสร็จแล้วจึงกระตุ้นด้วยปุ๋ยสูตร 12-24-12 หรือ 9-27-27
ในอัตราต้นละ 1 กิโลกรัม ปุ๋ยดังกล่าวมีธาตุฟอสฟอรัสสูงจึงสามารถเร่งการออกดอกของมะนาวได้
3.
ถ้าหากฝนไม่ตกก็ให้ใช้ปุ๋ยเม็ดละลายน้ำรดแทนทิ้งไว้ 14-21 วัน
มะนาวจะเริ่มผลิใบและดอกออกมา หลังจากนั้นจึงใส่ปุ๋ยบำรุงต้นมะนาวโดยใช้สูตร
20-14-14 หรือ 20-11-11 ในอัตราต้นละ 200-300 กรัม รวม 3-4 ครั้งโดยห่างกันครั้งละ
1 เดือนเพื่อเร่งให้ผลมะนาวโต
4.
ในช่วงนี้ถ้าอากาศแห้งแล้ง ควรพรวนดินและใช้เศษหญ้าคลุมโคนมะนาวพร้อมกับรดน้ำ
10-14 วันต่อครั้ง จากนั้นดอกมะนาวจะค่อย ๆ เจริญเติบโตกลายเป็นผล
จนสามารถเก็บจำหน่ายผลได้ในช่วงฤดูแล้งซึ่งตรงกับช่วงที่มะนาวมีราคาแพงพอดี
วิธีที่ 6
ใช้สารพาโคลบิวทราโซล ซึ่งเป็นวิธีใหม่ล่าสุดเท่าที่มีการทดลองอยู่ในขณะนี้
และมีแนวโน้มว่ามะนาวตอบสนองต่อการใช้สารนี้ได้ดี
ขั้นตอนและวิธีปฏิบัติเพื่อให้มะนาวเก็บเกี่ยวได้ในช่วงหน้าแล้ง
โดยใช้สารพาโคลบิวทราโซลนั้นสามารถกระทำได้ดังนี้
1.
ในเดือนกรกฎาคม ภายหลังจากที่เก็บเกี่ยวผลมะนาวหมาดแล้ว
ใช้บำรุงต้นมะนาวให้สมบูรณ์ โดยทั้งนี้เพื่อจะให้มะนาวแตกใบอ่อน 1
ชุดก่อนการออกดอก
2.
ต้นเดือนสิงหาคม ทำการตัดแต่งกิ่งมะนาวให้โปร่ง เพื่อให้ดินแห้ง
ต่อจากนั้นควรใส่ปุ๋ยเพื่อบำรุงต้น สภาพที่ดินเป็นดินเหนียวควรควรใช้ปุ๋ยสูตร
12-24-24 แต่ถ้าเป็นดินทรายให้ใช้ปุ๋ยสูตร 9-24-24 ในอัตรา 1/3
ของเส้นผ่าศูนย์กลาง
ของทรงพุ่มโดยหว่านรอบชายพุ่มเพื่อช่วยเร่งการเกิดดอกได้ดีขึ้น
3.
ต้นเดือนกันยายน ให้รดสารพาโคลบิวทราโซลในอัตราเนื้อสาร 1 กรัม (เช่น คัลทาร์ 10
ซี.ซี.) ที่โคนต้นมะนาวในระยะใบเพสลาด แต่ก่อนทำการรดสารนั้นควรให้น้ำกับต้นมะนาว
เพื่อให้ดินชุ่ม ซึ่งจะช่วยให้รากดูดซึมสารเข้าไปภายในต้นได้ดีขึ้น
4.
ประมาณเดือนสิงหาคมต้นเดือนตุลาคม
จะมีดอกมะนาวทะวายทยอยกันออกมาและจะต้องคอยปลิดดอกหรือผลเหล่านั้นทิ้ง
เพื่อให้ต้นมะนาวมีอาหารสะสมมากพอสำหรับการเกิดดอกในปลายเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายนได้มาก
การปลิดดอกทิ้งอาจทำได้โดยใช้สารเคมีบางชนิด เช่น เอ็น.เอ.เอ. (N.A.A.) อัตรา 15-30 ซี.ซี. ผสมน้ำ 20 ลิตร
ฉีดให้ดอกและผลร่วง โดยที่ไม่มีอันตรายต่อใบแต่อย่างใด
5.
ปลายเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกกำลังบานและมีการผสมเกสรเพื่อเจริญไปเป็นผล
ช่วงนี้ต้องคอยดูแลกันเป็นพิเศษ และเมื่อผลมะนาวมีอายุได้ 1-2 เดือน
ซึ่งตรงกับเดือนธันวาคาถึงมกราคม
เป็นระยะที่อากาศแห้งแล้งพร้อมกับมะนาวมีการพักตัวและผลัดใบเก่าทิ้ง
ผลมะนาวมีโอกาสร่วงได้มากจึงต้องคอยระยังอย่าให้มะนาวขาดน้ำ และถ้าอากาศแห้งมากอาจพรมน้ำได้ด้วยก็ได้
6.
หลังจากผลมะนาวมีอายุได้ 1-2 เดือนไปแล้ว
จะเป็นช่วงที่ผลมะนาวมีการขยายขนาดของผลมาก จึงควรให้ปุ๋ยสูตร 15-5-20+2 (MgO) หรือสูตร 16-11-14+2 (MgO) ลงไปด้วย ถ้ามะนาวต้นไหนติดผลดกอาจเพิ่มปุ๋ยสูตร 20-10-10 หรือ สูตร
30-20-10 โดยฉีดพ่นทางใบเพื่อช่วยขนาดของผล
7.
ประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน มะนาวก็จะเก็บผลได้
(สำหรับมะนาวที่มีอายุการเจริญเติบโตของผลนานกว่านี้
ควรเลื่อนเวลาการบังคับการออกดอกให้เร็วขึ้นไปอีก)
8.
ในเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน หลังจากเก็บผลหมดแล้ว ควรทำการตัดแต่งกิ่งและใส่ปุ๋ยบำรุงต้นโดยใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอก
ในอัตรา 20-30 กิโลกรัมต่อไร่และปุ๋ยเคมีเช่นสูตร 15-15-15 เป็นประจำทุกปี
ควรมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งกิ่งมะนาวเริ่มแตกใบอ่อนซึ่งตรงกับช่วงฤดูฝนพอดี
ซึ่งเป็นการเพียงพอที่จะให้มะนาวเก็บสะสมธาตุอาหารโดยเฉพาะพวกแห้งจนถึงระดับที่จะออกดอกได้ดีในเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน
แต่ถ้ากิ่งมะนาวแตกใบอ่อนล่าออกไปจนถึงปลายฤดูฝน
อาจทำให้มะนาวออกดอกได้ไม่มากเพราะมีระยะเวลาที่จะสะสมอาหารพวกแห้งได้น้อย
และถ้าหากต้นมะนาวไม่แตกใบอ่อนออกมา
เราอาจใช้วีตัดปลายกิ่งหรือตัดแต่งกิ่งให้โปร่งและให้ปุ๋ยที่มีธาตุไนโตรเจนสูงพร้อมทั้งให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและในปริมาณที่เพียงพอ
หรืออาจพิจารณาใช้สารที่กระตุ้นการพักตัวเช่น ไทโอยูเรีย 0.5%
ฉีดพ่นให้ทั่วต้นในระยะที่ใบแก่จัดซึ่งจะทำให้มะนาวแตกใบอ่อนออกมาได้
ซึ่งเป็นการเตรียมตัวเพื่อจะบังคับให้มะนาวออกดอกและเก็บผลในหน้าแล้งต่อไปได้
การทำมะนาวนอกฤดูตามหลักของรศ.ดร.รวี เสรฐภักดี
พืชจะมีการเจริญเติบโตอยู่ 2 ด้าน
1.ด้านกิ่งใบคือ ช่วงที่มีการเจริญเติบโทางลำต้น
2.ทางด้านสืบพันธุ์ การติดดอกหรืออกดอก
เมื่อพืชมีการเจริญเติบโตทางด้านใดในสิงด้านนี้อีกด้านหนึ่งจะลดลงอย่างถ้ามีการเจริญเติบโตทางด้านกิ่งใบการติดดอกจะไม่ค่อยมีอาจะไม่แต่น้อย และถ้ามีการเจริญทางด้านสืบพันธุ์สังเกตุดูว่าจะไม่ค่อยมีการแทงยอดใหม่ๆออกมา หากเราต้องการจะให้มีการติดดอกเราต้องลดการเจริญทางด้านกิ่งใบลงให้มากที่สุดครับ ดังนี้นจึงต้องใช้หลายๆเรื่องหรือหลายๆการปฏิบัติเข้ามาใช้ประกอบกันใช้ด้านหนึ่งด้านใดอาจจะได้ผลไม่เต็มที่ อาจารย์รวีท่านวางเกณท์การปฏิบัติไว้คร่าวๆดังนี้ครับ
1.ปริมาณไนโตรเจน ถ้ามีไนโตรเจนที่สูงจะส่งผลให้มีการเจริญเติบโทางด้านกิ่งใบ ในช่วงก่อนที่ต้องการให้มีการติดดอกจำเป็นต้องลดปริมาณไนโตรเจนลงทำได้โดยปรับสูตรปุ๋ยเป็นตัวหน้าต่ำตัวหลังสูงอย่างที่ผมว่าเป็นประจำๆครับหรืออาจารย์รวีท่านว่าสูตรโยกหน้า-โยกหลัง ตรงกลางไม่ต้องใช้หรือไม่ต้องไปเน้น
2.การชักนำให้เกิดความเครียด การจำกัดการให้น้ำหรืองดน้ำ water stress ทำให้การดึงเอาไนโตรเจนจากดินขึ้นไปได้น้อยจะเท่ากับเป็นการลดไนโตรเจนไปในตัว การกักน้ำจะทำให้มีการสะสมอาหารในต้นสูงขึ้นคาร์โบไฮเดรทสูงขึ้นโอกาสออกดอกจึงมากขึ้น
3.การตัดแต่งทรงพุ่ม ต้นที่มีใบมากแสดงว่ามีไนโตรเจนสูงมากการตัดแต่งกิ่งออกบางส่วนจะช่วยลดปริมาณไนโตรเจนลง การส่องผ่านของแสงแดดเข้าสู่ต้นได้ทั่วถึงมากขึ้นต้นมะนาวสร้างอาหารจากการสังเคราะห์แสงได้มากขึ้นทำให้มีอาหารสะสมได้ดีกว่าการไม่ตัดแต่ง และกิ่ง-ยอดที่เกิดใหม่จะให้ผลผลิตที่ดีกว่ากิ่งแก่
4.ปริมาณของจีเอ จีเอจะส่งเสริมการเจริญเติบโตทางด้านกิ่งใบ หากเราให้จีเอแก่ต้นมะนาวในปริมาณที่สูงจะมีการผลิยอดออกมามากยืดระยะเวลาการออกดอกได้เป็นเดือน ในกรณีนี้อาจารย์รวีท่านใช้การสารชะลอการเจริญเติบโตคือแพคโคบิวทราโซลเข้ามาใช้ครับเป็นการลดการเจริญทางด้านกิ่งใบลงอีกวิธีหนึ่ง(ช่วยยืดอายุยอดให้พ้นจากการแตกยอดใหม่ที่ระยะเวลา 45-50 วันได้)
5.การติดผล กิ่งที่มีดอกและผลติดอยู่ส่วนใหญ่จะไม่มีการติดดอกที่กิ่งนั้นครับ แต่อาจจะมี 2-3 กรณีที่ทำให้มีการติดดอกได้แต่ให้ชัวร์ควรกำจัดทิ้งครับ
6.การโน้มกิ่งหรือเทรนนิ่ง กิ่งที่กางหรือมีมุมกว้างจะมีการติดดอกที่ดีกว่ากิ่งที่มีมุมแคบ(กิ่งที่มีมุมกว้างกิ่งจะแข็งแรงกว่าด้วย การสะสมของโรคที่ซอกกิ่งจะน้อยกว่าอีก)
ยังมีอีก 2-3 อย่างแต่ผมไม่ขอกล่าวถึงครับเพราะไม่ค่อยสำคัญแต่หลักๆคือตามหัวข้อที่ว่ามา มีบางท่านที่นำหลักการของอาจารย์รวีมาใช้แค่ไม่กี่ข้อก็สามารถทำให้ต้นมะนาวมีการติดดอกได้อย่างปรับสูตรปุ๋ยเป็นตัวหลังสูงและใช้การพ่นทางใบเข้าช่วย+งดน้ำสักนิดดอกก็บานสะพรั่งแล้วครับ แต่ถ้าจะให้ดีมากยิ่งขึ้นก็พยายามปรับให้เข้าทั้ง 6 ข้อตามที่ท่านอาจารย์ท่านวางไว้ยังไงก็มีดอกให้เชยชมแต่จะติดผลหรือไม่ความสมบูรณ์ของต้นต้องมาก่อน ปัจจัยอื่นๆที่ทำให้มีปัญหาก็อย่างเช่น ปริมาณน้ำฝน อุณหภูมิ พวกนี้จะมีผลอย่างมากครับต้องคอยติดตามข่าวพยากรณ์อากาศหน่อย
1.ด้านกิ่งใบคือ ช่วงที่มีการเจริญเติบโทางลำต้น
2.ทางด้านสืบพันธุ์ การติดดอกหรืออกดอก
เมื่อพืชมีการเจริญเติบโตทางด้านใดในสิงด้านนี้อีกด้านหนึ่งจะลดลงอย่างถ้ามีการเจริญเติบโตทางด้านกิ่งใบการติดดอกจะไม่ค่อยมีอาจะไม่แต่น้อย และถ้ามีการเจริญทางด้านสืบพันธุ์สังเกตุดูว่าจะไม่ค่อยมีการแทงยอดใหม่ๆออกมา หากเราต้องการจะให้มีการติดดอกเราต้องลดการเจริญทางด้านกิ่งใบลงให้มากที่สุดครับ ดังนี้นจึงต้องใช้หลายๆเรื่องหรือหลายๆการปฏิบัติเข้ามาใช้ประกอบกันใช้ด้านหนึ่งด้านใดอาจจะได้ผลไม่เต็มที่ อาจารย์รวีท่านวางเกณท์การปฏิบัติไว้คร่าวๆดังนี้ครับ
1.ปริมาณไนโตรเจน ถ้ามีไนโตรเจนที่สูงจะส่งผลให้มีการเจริญเติบโทางด้านกิ่งใบ ในช่วงก่อนที่ต้องการให้มีการติดดอกจำเป็นต้องลดปริมาณไนโตรเจนลงทำได้โดยปรับสูตรปุ๋ยเป็นตัวหน้าต่ำตัวหลังสูงอย่างที่ผมว่าเป็นประจำๆครับหรืออาจารย์รวีท่านว่าสูตรโยกหน้า-โยกหลัง ตรงกลางไม่ต้องใช้หรือไม่ต้องไปเน้น
2.การชักนำให้เกิดความเครียด การจำกัดการให้น้ำหรืองดน้ำ water stress ทำให้การดึงเอาไนโตรเจนจากดินขึ้นไปได้น้อยจะเท่ากับเป็นการลดไนโตรเจนไปในตัว การกักน้ำจะทำให้มีการสะสมอาหารในต้นสูงขึ้นคาร์โบไฮเดรทสูงขึ้นโอกาสออกดอกจึงมากขึ้น
3.การตัดแต่งทรงพุ่ม ต้นที่มีใบมากแสดงว่ามีไนโตรเจนสูงมากการตัดแต่งกิ่งออกบางส่วนจะช่วยลดปริมาณไนโตรเจนลง การส่องผ่านของแสงแดดเข้าสู่ต้นได้ทั่วถึงมากขึ้นต้นมะนาวสร้างอาหารจากการสังเคราะห์แสงได้มากขึ้นทำให้มีอาหารสะสมได้ดีกว่าการไม่ตัดแต่ง และกิ่ง-ยอดที่เกิดใหม่จะให้ผลผลิตที่ดีกว่ากิ่งแก่
4.ปริมาณของจีเอ จีเอจะส่งเสริมการเจริญเติบโตทางด้านกิ่งใบ หากเราให้จีเอแก่ต้นมะนาวในปริมาณที่สูงจะมีการผลิยอดออกมามากยืดระยะเวลาการออกดอกได้เป็นเดือน ในกรณีนี้อาจารย์รวีท่านใช้การสารชะลอการเจริญเติบโตคือแพคโคบิวทราโซลเข้ามาใช้ครับเป็นการลดการเจริญทางด้านกิ่งใบลงอีกวิธีหนึ่ง(ช่วยยืดอายุยอดให้พ้นจากการแตกยอดใหม่ที่ระยะเวลา 45-50 วันได้)
5.การติดผล กิ่งที่มีดอกและผลติดอยู่ส่วนใหญ่จะไม่มีการติดดอกที่กิ่งนั้นครับ แต่อาจจะมี 2-3 กรณีที่ทำให้มีการติดดอกได้แต่ให้ชัวร์ควรกำจัดทิ้งครับ
6.การโน้มกิ่งหรือเทรนนิ่ง กิ่งที่กางหรือมีมุมกว้างจะมีการติดดอกที่ดีกว่ากิ่งที่มีมุมแคบ(กิ่งที่มีมุมกว้างกิ่งจะแข็งแรงกว่าด้วย การสะสมของโรคที่ซอกกิ่งจะน้อยกว่าอีก)
ยังมีอีก 2-3 อย่างแต่ผมไม่ขอกล่าวถึงครับเพราะไม่ค่อยสำคัญแต่หลักๆคือตามหัวข้อที่ว่ามา มีบางท่านที่นำหลักการของอาจารย์รวีมาใช้แค่ไม่กี่ข้อก็สามารถทำให้ต้นมะนาวมีการติดดอกได้อย่างปรับสูตรปุ๋ยเป็นตัวหลังสูงและใช้การพ่นทางใบเข้าช่วย+งดน้ำสักนิดดอกก็บานสะพรั่งแล้วครับ แต่ถ้าจะให้ดีมากยิ่งขึ้นก็พยายามปรับให้เข้าทั้ง 6 ข้อตามที่ท่านอาจารย์ท่านวางไว้ยังไงก็มีดอกให้เชยชมแต่จะติดผลหรือไม่ความสมบูรณ์ของต้นต้องมาก่อน ปัจจัยอื่นๆที่ทำให้มีปัญหาก็อย่างเช่น ปริมาณน้ำฝน อุณหภูมิ พวกนี้จะมีผลอย่างมากครับต้องคอยติดตามข่าวพยากรณ์อากาศหน่อย