โรคนี้สาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย สามารถเข้าทำลายได้ทั้งใบอ่อน กิ่ง และผลมะนาว ทำให้เกิดเป็นแผลตกสะเก็ดนูนสีน้ำตาลอ่อนถึงแก่ ทั้งใบ กิ่งและผล แผลจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเห็นเป็นวงซ้อนๆกัน ต่อมาจะเหลืองแห้งและหลุดล่วงไป อาการที่พบเชื้อแบคทีเรียเข้าทำลายใบอ่อน กิ่งอ่อน ผลอ่อนในช่วงที่ฝนตกติดต่อกันและอากาศชื้น อาการจะลุกลามติดกับใบอ่อนที่เกิดบาดแผลจากหนอนชอนใบเข้าทำลาย อาการเริ่มแรกที่พบเห็นเป็นจุดฉ่ำน้ำใสๆ เท่าหัวไม้ขีดไฟและจะเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตรงกลางแผลจะตกสะเก็ดนูนขึ้น สีน้ำตาลอ่อน ส่วนอาการที่เกิดตามกิ่งอ่อนและผลจะพบแผลตกสะเก็ดนูนขึ้นสีน้ำตาลเช่นเดียวกัน แผลที่กิ่งและผลอาจจะแตกเป็นแผลทำให้เกิดยางไหล ลุกลามไปยังใบทำให้ใบหลุดร่วงและกิ่งแห้งตายไปในที่สุด
ภาพประกอบ
การป้องกันกำจัด ให้ฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้ที่ตกตะกอนแล้ว อัตรา150-200ซีซีต่อน้ำ20ลิตร ทุกครั้งที่มะนาวแตกใบอ่อน โดยเฉพาะช่วงฝนตกติดต่อกันให้พ่นทุกๆ5-7วัน ในน้ำส้มควันไม่มีสารฟีนอล สามารถสามารถป้องกันกำจัดโรคที่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรียได้ผลดี และไม่เป็นอันตรายต่อเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม หรือจะฉีดพ่นสารประกอบทองแดงเช่นคอปเปอร์ออกซีคลอไรด์ หรือคอปเปอร์ไฮดรอกไซด์เป็นผงสีน้ำเงิน อัตรา50-70กรัมต่อน้ำ20ลิตร ทุกครั้งที่มะนาวแตกใบอ่อน หรือฝนตกชุกทุกๆ7-10วัน/ครั้งและควรผสมสารจับใบ จะช่วยป้องกันการฉะล้างในฤดูฝนได้ดีหรือรักษาด้วยการใช้ด่างทับทิม ผสมน้ำ 50 กรัม/น้ำ 200 ลิตร หรือนาโนซิงอ๊อกไซด์ 50 กรัม/น้ำ 200 ลิตร หนอนชอนใบ หนอนชอนใบส้มเป็นแมลงศัตรูตัวร้ายของพืชตระกูลส้มโดยเฉพาะมะนาว พบระบาดมากในฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม เพราะมะนาวแตกใบอ่อนหลายครั้ง ในมะนาวที่ถูกหนอนชอนใบเข้าทำลายของจะพบรอยชอนไชของหนอนเป็นทางขาวๆสีใส วกวนไปมาบนผิวใบอ่อนของมะนาวเป็นส่วนมาก ทำให้ใบบิดงอเสียรูปทรงและยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคแคงเกอร์ตามมา หนอนชอนใบจะชอนกินบนผิวใบ เป็นหนอนไม่มีขาตัวสีเขียว มองด้วยตาเปล่าก็เห็น ถ้าจะให้ชัดต้องใช้แว่นขยายส่องดูช่วงมะนาวแตกใบอ่อน ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืนขนาดเล็กเท่าหัวไม้ขีดไฟ ตัวหนอนจะเข้าทำลายและชอนไชเฉพาะใบอ่อนเท่านั้น การป้องกันกำจัด ให้ฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้อัตรา150-200ซีซีต่อน้ำ20ลิตร ทุกครั้งที่มะนาวแตกใบอ่อนหรือจะใช้สารเคมีอะบาแม็กตินฉีดพ่นทุกครั้งที่มะนาวแตกใบอ่อน แต่ยาฆ่าแมลงจะเป็นอันตรายต่อเกษตรกรและสิ่งแวดล้อมต่างๆ แนะนำให้พ่นเมื่อเห็นมะนาวแตกใบอ่อนเลยครับ โรคราดำลักษณะอาการ ใบ กิ่งก้าน และผลจะมีราสีดำ สกปรกกระด้างทำให้ผลไม่สวย ต้นมะนาวจะแคระแกร็นการป้องกันกำจัดทำลายส่วนที่เป็นโรคโดยการเผาไฟหรือใช้ สารเคมีกำจัดแมลงฉีดพ่นเพื่อกำจัดแมลงประเภทปากดูดชึ่งเป็นสาเหตุ ทำให้เกิดโรคราดำ หรืออาจใช้กำมะถันช่วยกำจัด
ภาพประกอบ
โรคกรีนนิ่ง (ใบแก้ว)
ลักษณะอาการ ใบจะด่างเป็นสีเหลือง หรือขาวใสระหว่างเส้นใบ ใบ
มีขนาดเล็กลง ในที่สุดใบและยอดจะแห้งตาย ผลมีขนาดเล็ก น้ำหนักน้อย ต้นจะโทรม การป้องกันกำจัดทำลายส่วนที่เป็นโรคโดยการเผาไฟ ใส่ปุ๋ยที่มี ธาตุสังกะสีและ แมกนีเชียม ปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน ใหัอยู่ระหว่าง 6.0-6.5
ภาพประกอบ
โรคยางไหลลักษณะอาการ มีอาการยางไหลบริเวญลำต้นและกิ่งก้านเปลือกจะเน่าและแผลจะลุกลามไปถึงเนื้อไม้
การป้องกันกำจัด ควรตัดแต่งกิ่งและกำจัดวัชพืชเพื่อให้แสงแดด
ส่องได้ทั่วถึง และควรทาบาดแผลด้วยสารทองแดงหรือกำมะถัน ผสมปูนขาว ถ้ามีการระบาดมากก็เผาทำลายเสีย |
ภาพประกอบ
โรครากเน่าและโคนเน่า
ลักษณะอาการ รากฝอยและรากแขนง จะเน่ามีสีน้ำตาลหรือดำ
ลักษณะเหนียว ไม่ยุ่ย เปลือกของลำต้นจะปริแตกออก โดยเฉพาะ
โคนต้น และมียางไหลบริเวณขอบแผล เมื่อรากและต้นถูกทำลาย
มากๆ จะทำให้ใบเหลืองและร่วงหล่น
การป้องกันกำจัด อย่าให้มีน้ำขัง บริเวณโคนต้น และไม่ควรใส่ปุ๋ย
หมักหรือ ปุ๋ยคอกมากเกินในช่วงฤดูฝน
ลักษณะเหนียว ไม่ยุ่ย เปลือกของลำต้นจะปริแตกออก โดยเฉพาะ
โคนต้น และมียางไหลบริเวณขอบแผล เมื่อรากและต้นถูกทำลาย
มากๆ จะทำให้ใบเหลืองและร่วงหล่น
การป้องกันกำจัด อย่าให้มีน้ำขัง บริเวณโคนต้น และไม่ควรใส่ปุ๋ย
หมักหรือ ปุ๋ยคอกมากเกินในช่วงฤดูฝน
ภาพประกอบ
ผู้ที่ปลูกมะนาวไม่ว่าจะเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริม ก็ไม่ควรมองข้ามโรคเมลาโนสหรือราน้ำหมาก สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใบและผลมะนาวเสียหาย ถ้าเกิดที่ผลจะทำให้สีผิวของเปลือกจากที่เคยเขียวมันเงา ก็จะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงด้านคล้ายๆกับว่าโดนไฟไหม้ แล้วค่อยๆ ขยายลุกลามจาก 1 ลูก 2 ลูก 3 ลูกเพิ่มขึ้นออกไปเรื่อยๆจนระบาดทั้งสวน |
เมลาโนสหรือราน้ำหมากมักพบระบาดในมะนาวแป้นพิจิตร1ที่ปลูกระยะชิด เริ่มจากใบเป็นจุดด่างๆหรือกระที่บริเวณผิวใบ มีคราบคล้ายๆน้ำหมากเป็นจุดๆสีน้ำตาลบริเวณใต้ใบ พบระบาดช่วงเดือนตุลาคมถึงเมษายน โดยเฉพาะใบหรือผลที่อยู่ใกล้โคนต้นและ แสงแดดส่องไม่ถึง ปกติจะเป็นเฉพาะใบเพสลาดจนถึงใบแก่ ใบอ่อนจะไม่ค่อยพบระบาดเท่าใดนัก
เกษตรกรที่ปลูกแป้นพิจิตร1หลายต่อหลายท่านต่างก็บ่นใหัผู้เขียนฟังว่าที่สวนก็เป็นเหมือนกัน
ยิ่งไว้ยิ่งเสียหายยิ่งลุกลามไม่รู้จะแก้ยังไงแล้ว และอีกอย่างไม่มีนูนหรือตกสะเก็ดเหมือนแคงเกอร์ เนื้อและน้ำข้างในดีปกติ แต่แค่ผิวเปลือกไหม้อย่างเดียว ผิวไม่สวยไม่มีราคาชนิดที่ว่าแม่ค้าไม่หันมองเลยแล้วกันละครับ เมลาโนสหรือราน้ำหมาก เกิดจากเชื้อรา Cercospora citri ระบาดมากช่วงแล้งหรือประมาณเดือนตุลาคมถึงเมษายน มักพบที่ใบมากกว่าผล รุนแรงมากๆ อาจทำให้กิ่งแห้งตายได้เช่นเดียวกัน ภาพประกอบ |
การป้องกัน
1.ตัดแต่งกิ่งและทรงพุ่มไม่ให้ทึบ
2.หากพบโรคในระยะแรกเริ่มและไม่มีการระบาดมาก ควรรีบตัดแต่ง
กิ่งที่เป็นโรคนำไปเผาทำลาย ฉีดสารเคมีป้องกันเชื้อรา เช่น ซีเนบ
มาเนบ หรือแมนโคเซบ เพื่อป้องกันการระบาดของโรค
กิ่งที่เป็นโรคนำไปเผาทำลาย ฉีดสารเคมีป้องกันเชื้อรา เช่น ซีเนบ
มาเนบ หรือแมนโคเซบ เพื่อป้องกันการระบาดของโรค
3.ในกรณีเกิดการระบาดของโรค ควรใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา
โพรพิเนบ คลอโรทาโลนิล หรือคาร์เบนดาซิม ฉีดพ่นประมาณ 7-10
วัน/ครั้ง ฉีดพ่น 2-3 ครั้งติดต่อกัน
โพรพิเนบ คลอโรทาโลนิล หรือคาร์เบนดาซิม ฉีดพ่นประมาณ 7-10
วัน/ครั้ง ฉีดพ่น 2-3 ครั้งติดต่อกัน
แมลงศัตรูที่สำคัญ
1. หนอนชอนใบ จะทำความเสียหายให้กับมะนาวในระยะแตก ใบ
อ่อน โดยจะชอนไชกัดกินอยู่ระหว่างผิวใบด้านหน้าและหลังใบ จะ
มอง เห็นเป็นทางสีขาวคดเคี้ยวไปมา ใบหงิกงอ ขอบใบม้วนเข้าหา
เส้นกลางใบ และใบไม่เจริญเติบโต ต้นมะนาวจะแคระแกร็นและไม่
ติตผล
การป้องกันกำจัด หมั่นตรวจดูตามใบและยอดของมะนาว โดย
เฉพาะระยะที่มะนาวเริ่มผลิใบอ่อน กรณีที่ระบาดน้อยให้เด็ดใบเผา
ทำลาย หากพบมากใหัฉีดพ่น สารเคมีกำจัดแมลงกลุ่มคาร์บาริล
มาลาไธออน หรือฟอร์โมไธออน ในอัตราที่ฉลากกำหนด
2. หนอนกินใบ (หนอนแก้ว) ลักษณะอาการ กัดกินใบอ่อนและ
ยอดอ่อนของมะนาว
การป้องกันกำจัด หมั่นตรวจตูตามใบอ่อนและยอดอ่อน เมื่อพบไข่
และตัวหนอนก็จับทำลายเสีย ฉีดพ่นสารเคมีกำจัตแมลงกลุ่มเมทามิ
โดฟอสที่มีชื่อทางการค้าว่า ทามารอน ในอัตรา 20-30 ซีซี. หรือ
ประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วต้น
3. เพลื้ยไฟ ลักษณะอาการ จะดูดกินน้ำเลี้ยงที่ยอดอ่อน ใบอ่อน
และผลการทำลายจะรุนแรงในระยะผลอ่อน นับแต่เริ่มติดผล ช่วง
ระยะการระบาด จะขี้นอยู่กับการแตกยอดอ่อน และระยะติดผล ผลที่
ถูกทำลายจะ ปรากฎรอยสีเทา เป็นวงบริเวณขั้วผล และก้นผลหรือ
เป็นขีดสีเทาตาม ความยาวของผล
การป้องกันกำจัด เด็ดผลที่แคระแกร็น ถ้าพบการทำลายของเพลี้ย
ให้ฉีดพ่นด้วยสารเคมีกำจัดแมลง ได้แก่ คาร์โบชัลแฟน เปอร์เมทริน
4. ไรแดง ลักษณะอาการ ใบจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหงิกงอ ไม่เจริญ
เติบโตและร่วงหล่น ผลมะนาวจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน และเปลี่ยนเป็น
สีน้ำตาลในเวลาต่อมา ผิวผลจะกร้าน ผลแคระแกร็น และร่วงในที่สุด
การป้องกันกำจัด ฉีดพ่นด้วยกำมะถันผงชนิดละลายน้ำในอัตรา 4
ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก ๆ 10-15 วัน ในตอนเช้าหรือตอน
เย็นเพื่อป้องกันอาการใบไหม้
อ่อน โดยจะชอนไชกัดกินอยู่ระหว่างผิวใบด้านหน้าและหลังใบ จะ
มอง เห็นเป็นทางสีขาวคดเคี้ยวไปมา ใบหงิกงอ ขอบใบม้วนเข้าหา
เส้นกลางใบ และใบไม่เจริญเติบโต ต้นมะนาวจะแคระแกร็นและไม่
ติตผล
การป้องกันกำจัด หมั่นตรวจดูตามใบและยอดของมะนาว โดย
เฉพาะระยะที่มะนาวเริ่มผลิใบอ่อน กรณีที่ระบาดน้อยให้เด็ดใบเผา
ทำลาย หากพบมากใหัฉีดพ่น สารเคมีกำจัดแมลงกลุ่มคาร์บาริล
มาลาไธออน หรือฟอร์โมไธออน ในอัตราที่ฉลากกำหนด
2. หนอนกินใบ (หนอนแก้ว) ลักษณะอาการ กัดกินใบอ่อนและ
ยอดอ่อนของมะนาว
การป้องกันกำจัด หมั่นตรวจตูตามใบอ่อนและยอดอ่อน เมื่อพบไข่
และตัวหนอนก็จับทำลายเสีย ฉีดพ่นสารเคมีกำจัตแมลงกลุ่มเมทามิ
โดฟอสที่มีชื่อทางการค้าว่า ทามารอน ในอัตรา 20-30 ซีซี. หรือ
ประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วต้น
3. เพลื้ยไฟ ลักษณะอาการ จะดูดกินน้ำเลี้ยงที่ยอดอ่อน ใบอ่อน
และผลการทำลายจะรุนแรงในระยะผลอ่อน นับแต่เริ่มติดผล ช่วง
ระยะการระบาด จะขี้นอยู่กับการแตกยอดอ่อน และระยะติดผล ผลที่
ถูกทำลายจะ ปรากฎรอยสีเทา เป็นวงบริเวณขั้วผล และก้นผลหรือ
เป็นขีดสีเทาตาม ความยาวของผล
การป้องกันกำจัด เด็ดผลที่แคระแกร็น ถ้าพบการทำลายของเพลี้ย
ให้ฉีดพ่นด้วยสารเคมีกำจัดแมลง ได้แก่ คาร์โบชัลแฟน เปอร์เมทริน
4. ไรแดง ลักษณะอาการ ใบจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหงิกงอ ไม่เจริญ
เติบโตและร่วงหล่น ผลมะนาวจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน และเปลี่ยนเป็น
สีน้ำตาลในเวลาต่อมา ผิวผลจะกร้าน ผลแคระแกร็น และร่วงในที่สุด
การป้องกันกำจัด ฉีดพ่นด้วยกำมะถันผงชนิดละลายน้ำในอัตรา 4
ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก ๆ 10-15 วัน ในตอนเช้าหรือตอน
เย็นเพื่อป้องกันอาการใบไหม้
วิธีทางชีวภาพ (Biological Control)
เป็นวิธีการป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชด้วยสิ่งมีชีวิต สำหรับการป้องกันเชื้อโรคพืชโดยการใช้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ก็จัดเป็นวิธีการทางชีวภาพอย่างหนึ่ง ซึ่งกล่าวในรายละเอียดไว้ในหัวข้อ "ปุ๋ยชีวภาพและเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์" ดังนั้นในที่นี้จะกล่าวถึงเพียงวิธีทางชีวภาพเพื่อป้องกันและควบคุมแมลงศัตรูพืช โดยเราจะเรียกสิ่งมีชีวิตที่ทำหน้าที่นี้ว่าศัตรูธรรมชาติ (Natural Enemies) ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 จำพวกหลักๆ คือ
1. ตัวห้ำ (Predator)
คือสิ่งมีชีวิตที่อาศัยการกินแมลงศัตรูพืชเป็นอาหาร เช่น นก งู จิ้งจก กิ้งก่า กบ เขียด คางคก แมงมุม ไรตัวห้ำ และแมลงศัตรูธรรมชาติต่างๆ โดยตารางข้างล่างเป็นตัวอย่างแมลงและแมงศัตรูธรรมชาติที่สำคัญบางชนิดตารางแสดงแมลงและแมงตัวห้ำบางชนิด
2. ตัวเบียน (Parasite)
หรือ แมลงเบียน (Parasitic Insects) เป็นแมลงที่มีช่วงไข่หรือในวัยตัวอ่อน อาศัยเป็นปรสิตของแมลงศัตรูพืช ส่งผลให้แมลงศัตรูพืชตายในระหว่างที่ตัวเบียนเจริญเติบโต โดยแมลงเบียนนั้นมีอยู่มากมายหลากหลายชนิดในธรรมชาติแต่มักอ่อนแอต่อสารเคมี จึงมักไม่พบในพื้นที่ที่ใช้สารเคมีในการเพาะปลูก ตัวอย่างของแมลงเบียนที่สำคัญได้แก่- แตนเบียนไตรโครแรมมา ซึ่งสามารถทำลายไข่ของศัตรูพืชได้หลายชนิดเช่น ไข่หนอนเจาะสมอฝ้าย ไข่หนอนกออ้อย ไข่หนอนแก้วส้ม ไข่หนอนคืบละหุ่ง ไข่หนอนใยผัก แตนเบียนเป็นต้น
- แตนเบียนหนอนชนิด Cotesia sp. เข้าทำลายหนอนกระทู้ผัก
- แตนเบียนไข่ เข้าทำลายไข่หนอนใยผัก
- แตนเบียนมวนลำไย
- แตนเบียนหนอนชอนใบส้ม
- แตนเบียนเพลี้ยไก่แจ้
- แตนเบียนหนอนกออ้อย
- แตนเบียนแมลงวันผลไม้
3. เชื้อปฎิปักษ์ (Antagonistic Microorganism)
คือเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นโรคของแมลงศัตรูพืช เช่น- เชื้อไวรัส เช่น เชื้อไวรัส NPV (Nuclear Polyhedrosis Virus) ควบคุม หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนกระทู้หอม หนอนกระทู้ผัก หนอนคืบกะหล่ำ
- แบคทีเรีย เช่น เชื้อ BT (Bacillus thuringiensis) ควบคุม หนอนใยผัก หนอนกระทู้หอม หนอนคืบกระหล่ำ หนอนส้มแก้ว
- เชื้อรา เช่น เชื้อราเขียว (Metarhizium Anisopliae) ควบคุมหนอนด้วงแรดมะพร้าว หนอนด้วงหนวดยาว ตั๊กแตนปาทังก้า มวน แมลงเจาะผลกาแฟ แมลงสาบ ปลวก แมลงศัตรูอ้อย ด้วงงวง
- ไส้เดือนฝอย เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก จนมีการจัดเป็นจุลินทรีย์ชนิดหนึ่ง แต่ยังพอมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ สามารถควบคุมแมลงศัตรูพืชหลายชนิดเช่น หนอนกินใต้ผิวเปลือก หนอนกระทู้หอม หนอนกระทู้ผัก หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนกอกล้วย ด้วงหมัดผัก ด้วงงวงมันเทศ แมลงวันผลไม้ ปลวก อย่างไรก็ดี ไส้เดือนฝอยเองก็จัดเป็นศัตรูพืชชนิดหนึ่งเช่นเดียวกัน เพราะสามารถเข้าทำลายรากพืช โดยจะดูดน้ำเลี้ยงและทำลายระบบราก เกิดเป็นอาการรากปม รากเป็นแผล หรือบิดเบี้ยว จึงควรมีความระมัดระวังในการใช้ไส้เดือนฝอยเป็นศัตรูธรรมชาติ
การใช้สมุนไพร (Herbal Insecticide)
พืชสมุนไพรมีหลากหลายชนิดที่มีประโยชน์ในการใช้ป้องกันและควบคุมแมลงศัตรูพืช อีกทั้งบางชนิดยังสามารถช่วยในการควบคุมโรคพืชได้อีกด้วย ซึ่งในที่นี้ ได้รวบรวมพืชสมุนไพรบางส่วนพร้อม สรรพคุณ และวิธีใช้ ไว้ที่ท้ายหน้าเวปนี้ (ข้อมูลส่วนใหญ่มาจาก http://www.tungsong.com/samunpai/insect/Index.html) อย่างไรก็ดี ในการใช้พืชสมุนไพร ควรมีความระมัดระวังในการใช้ เพราะหากใช้ในปริมาณหรือความเข้มข้นสูงเกินไปก็อาจส่งผลเสียหายให้แก่พืชที่ปลูกได้ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการใช้พืชสมุนไพรที่เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับพืชหลัก เพราะอาจทำให้พืชหลักติดโรคได้
แมลงศัตรูพืช
เพื่อช่วยในการระบุชนิดของแมลงศัตรูพืช ในที่นี้ได้รวบรวมรูปภาพและข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับแมลงศัตรูพืชที่สำคัญไว้ในตารางข้างล่างนี้ และเนื่องด้วยมีการระบุในตารางเกี่ยวกับพืชตระกูลต่างๆที่เป็นเป้าหมายของแมลง จึงได้แสดงรายชื่อพืชผักที่สำคัญของพืชแต่ละตระกูลไว้ ณ.ที่นี้- พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วแค ดอกแค ถั่วฝักยาว ถั่วลันเตา ถั่วแขก ถั่วพลู ถั่วปากอ้า
- พืชตระกูลแตง เช่น แตงกวา แตงร้าน บวบ มะระ ฟักแม้ว ฟักเขียว แฟง ตำลึง ฟักทอง แตงโม แคนตาลูป น้ำเต้า
- พืชตระกูลมะเขือ เช่น มะเขือม่วง มะเขือยาว มะเขือเปราะ มะเขือเทศ ยาสูบ มะเขือพวง พริก มะแว้ง
- พืชตระกูลปาล์ม เช่น มะพร้าว ปาล์มน้ำมัน ลาน สาคู หมากเขียว หมากเหลือง หมากแดง
- พืชตระกูลกะหล่ำ เช่น ผักกาดขาว คะน้า บร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก กวางตุ้ง ผักกาดหัว(หัวไชเท้า) สลัดร็อกเกต
- พืชตระกูลส้ม เช่น ส้ม มะนาว
- พืชตระกูลฝ้ายหรือชบา เช่น ฝ้าย กระเจี๊ยบ
แมลงศัตรูพืชจำพวกด้วง
แมลงศัตรูพืชจำพวกหนอนผีเสื้อ
แมลงศัตรูพืชจำพวกมวนและเพลี้ย
แมลงศัตรูพืชจำพวกอื่นๆ
สมุนไพรสำหรับป้องกันและควบคุมโรคและแมลงศัตรูพืช*
สมุนไพร | โรคหรือแมลงเป้าหมาย | ลักษณะการควบคุม | วิธืการใช้ |
---|---|---|---|
กระเทียม | เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ หนอนกระทู้ผัก ด้วงปีกแข็ง โรคราน้ำค้าง โรคราสนิม | มีฤทธิ์เป็นยาฆ่าแมลง สารขับไล่แมลง สารหยุดยั้งการดูดกินอาหาร สารฆ่าเชื้อราและแบคทีเรีย |
|
ขมิ้นชัน | หนอนกระทู้ผัก หนอนผีเสื้อ ด้วงงวงช้าง ด้วงเจาะเมล็ดถั่ว มอด ไรแดง | เหง้ามีน้ำมันหอมระเหย ขับไล่และกำจัดแมลงได้หลายชนิด |
|
ขี้เหล็ก | ด้วงถั่วเขียว ป้องกันและกำจัดแมลงในโรงเก็บ | สามารถป้องกันและกำจัดแมลงในโรงเก็บได้จำพวกแมลงปีกแข็ง ด้วง ต่างๆ |
|
ข่า | แมลงวันทอง | น้ำคั้นจากเหง้า มีสารดึงดูด สารไล่แมลง สารฆ่าแมลง สามารถไล่แมลงวันทองไม่ให้วางไข่ได้ 99.21 % และทำให้โรคใบจุดสีน้ำตาลในนาข้าง หายไป |
|
ขิง | แมลงวันทอง |
| |
คูน | หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม มอดแป้ง ด้วง | เนื้อฝักคูนจะมีสารประเภท Anthraquinones หลายตัวเช่น Aloin, Rhein Sennoside A, B และยังมี Organic acid สาร Anthraquinone มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทของแมลง |
|
ดาวเรือง | เพลี้ยกระโดด เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยหอย เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ แมลงหวี่ขาว แมลงวันผลไม้ หนอนใยผัก หนอนผีเสื้อกะโหลก หนอนกะหล่ำปลี ด้วงปีกแข็ง ไส้เดือนฝอย | โดยทั่วไปมักจะปลูกดาวเรืองแซมตามแปลงผัก เพราะดอกและใบมีกลิ่นฉุน แมลงจึงไม่อยากเข้าไกล้ |
|
ดีปลี | แมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ |
| |
ตะไคร้หอม | หนอนกระทู้ หนอนใยผัก ไล่ยุง แมลง แมลงสาบ | มีสาร Verbena oil, Lemon oil, Indian melissa oil มีฤทธิ์ในการไล่แมลง |
|
น้อยหน่า | ตั๊กแตน เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยหอย ด้วงเต่า หนอนใยผัก มวน ด้วงเต่าทอง แมลงวันทอง | มีพิษต่อแมลงทางสัมผัสและทางกระเพาะอาหาร |
|
บอระเพ็ด | เพลี้ยกระโดดน้ำตาล เพลี้ยจักจั่น หนอนกอ โรคข้าวตายพราย โรคยอดเหี่ยว โรคข้าวลีบ | ใช้ได้ดีกับนาข้าว รสขมเมื่อถูกดูดซึมเข้าไปในพืชจะทำให้แมลงไม่ชอบ |
|
ประทัดจีน | เพลี้ยอ่อน หนอนใยผัก หนอนผีเสื้อ หนอนชอนใบ หนอนแตงเทศ ไร ด้วงเต่า | เป็นพิษทางสัมผัสและทางกระเพาะและมีฤทธิ์ในการฆ่าแมลง ฆ่าตัวอ่อน ซึ่งในลำต้นจะมีสารฆ่าแมลงมาก ส่วนในราก ใบและเปลือก ก็มีสารคลาสซิน (Quassin) แต่ในปริมาณที่น้อยกว่า |
|
ผกากรอง | หนอนกระทู้ผัก | เมล็ดมีสาร Lantadene มีผลต่อระบบประสาทของแมลง |
|
พริก**,*** | มด เพลี้ยอ่อน หนอนผีเสื้อกะหล่ำ โรคใบด่าง ไวรัสโรคใบหด ด้วง แมลงในโรงเก็บ | ผลสุกมีคุณสมบัติในการฆ่าแมลง เมล็ดมีสารฆ่าเชื้อรา ใบและดอกมีสารยับยั้งการขยายตัวของไวรัส |
|
พริกไทย | มด เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ หนอนผีเสื้อ ด้วงปีกแข็ง หนอนกะหล่ำปลี ด้วงในข้าวไวรัส | มีน้ำมันหอมระเหยและอัลคาลอยด์ มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท |
|
ไพล | เชื้อรา | ใช้ยับยั้งการเติบโตของเชื้อราในข้าวบาร์เลย์ |
|
มะรุม | เชื้อรา แบคทีเรีย โรคเน่า | ในใบจะมีสารพวกผลึกของอัลคาลอยด์ ซึ่งสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Pythium debangemum กำจัดเชื้อราและแบคทีเรีย ได้แก่ โรคโคนต้น และผลเน่าของตระกูลแตง โรคผลเน่าใกล้พื้นดินของมะเขือเทศ โรคเน่าคอดินของคะน้า โรคแง่งขิงเน่า |
|
มะละกอ | โรคราสนิม โรคราแป้ง | ใบของมะละกอ มีสารออกฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อรา เช่น โรคราสนิม โรคราแป้ง |
|
มันแกว | เพลี้ยอ่อน หนอนกระทู้ หนอนกะหล่ำ หนอนใยผัก ด้วงหมัดกระโดด มวนเขียว หนอนผีเสื้อ แมลงวัน | เมล็ดแก่มีสาร Pachyrrhrgin เป็นพิษต่อแมลงทางสัมผัสและทางกระเพาะอาหาร |
|
ยาสูบ*** | โรครา ด้วงต่างๆ หนอนกอ หนอนชอนในใบหรือชอนใบ หนอนผีเสื้อ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ และไรต่างๆ |
| |
ยี่โถ | มด แมลงผลไม้ หนอน | เปลือกและเมล็ดจะมีสาร Glycoside, Neriodorin ซึ่งมีฤทธิ์ในการกำจัดแมลง |
|
ยูคาลิปตัส | หนอน แมลงวัน |
| |
ละหุ่ง | ปลวก แมงกะชอน ไส้เดือนฝอย หนู | มีประสิทธิภาพในการป้องกันศัตรูพืช เช่น แมลงกะชอน หนู ปลวก ไส้เดือนฝอย |
|
ลางสาด | หนอนหลอดหอม | เมล็ดมีสาร Acid Alkaloid :ซึ่งเป็นพิษกับแมลงและหนอน |
|
เลี่ยน | หนอนกระทู้ หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด หนอนเจาะผลโกโก้ ด้วงงวง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ไรแดงส้ม เพลี้ยอ่อนกระหล่ำ หนอนผีเสื้อกะหล่ำ | เปลือกของต้น ใบ ผล เมล็ด มีสารที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดแมลง ขับไล่แมลง ยับยั้งการดูดกิน การเจริญเติบโต ของแมลง |
|
ว่านน้ำ | ด้วงหมัดผัก หนอนกระทู้ผัก แมลงวันทอง แมลงในโรงเก็บ ด้วงงวงช้าง ด้วงเจาะเมล็ดถั่ว มอดตัวป้อม มอดข้างเปลือก | เหง้าจะมีน้ำมันหอมระเหย ชนิด Calamol aldehyde มีพิษต่อระบบประสาทของแมลง |
|
สลอด | เพลี้ยอ่อน หนอนกระทู้ผัก หนอนไหม แมลงวันทอง แมลงวัน หอยทาก | ในเมล็ดจะมีสาร Corton oil ซึ่งเป็นสารสำคัญมีฤทธิ์ต่อการกำจัดแมลง |
|
สะเดา | ตั๊กแตน ด้วงหมัดผัก เพลี้ยอ่อน เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เพลี้ยกระโดด เพลี้ยจั๊กจั่น แมลงหวี่ขาว หนอนกระทู้ หนอนใยกะหล่ำ หนอนใยผัก หนอนกอ หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนชอนใบ แมลงในโรงเก็บ | สารสกัดจากสะเดาที่มีเมล็ดในใบ มีฤทธิ์ในการฆ่าแมลง ขับไล่แมลง ต่อต้านการดูดกิน ยับยั้งการเจริญเติบโต ป้องกันและกำจัดแมลงได้หลายชนิด |
|
สาบเสือ | เพลี้ยกระโดด เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยหอย เพลี้ยไฟ หนอนกระทู้ หนอนใยผัก | สามารถฆ่าแมลงและไล่หนอนได้เป็นอย่างดี |
|
สารภี | เพลี้ยอ่อน หนอนผีเสื้อกะหล่ำ หนอนใยผัก หนอนแตงเทศ ด้วงงวงข้าว ไร | เมล็ดแก่ ใบ เปลือก มีพิษต่อแมลงทางสัมผัส และทางกระเพาะอาหาร |
|
หนอนตายหยาก | หนอนผีเสื้อ หนอนกระทู้ หนอนหลอดหอม แมลงวันทอง | รากมีสารใช้กำจัดแมลง |
|
โหระพา | เพลี้ยอ่อน แมลงวัน หนอนแมลงวัน หนอนเจาะหัวมันเทศ | มีสารฆ่าแมลง ขับไล่แมลง และยับยั้งการเจริญเติบโตของแมลง |
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น